เมนู

ผู้ถือนิมิต ฯลฯ ไม่เป็นผู้ถือนิมิต ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น ความสำรวมก็ดี ความไม่สำรวมก็ดี
ก็เป็นกรรม น่ะสิ.
สังวโรกัมมันติกถา จบ

อรรถกถาสังวโร กัมมันติกถา



ว่าด้วย ความสำรวมเป็นกรรม



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องความสำรวมเป็นกรรม. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด
มีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า ความสำรวมก็ดี
ความไม่สำรวมก็ดี เป็นกรรม เพราะอาศัยพระสูตรที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสไว้ว่า ภิกษุเห็นรูปด้วยจักขุแล้วเป็นผู้ถือเอาโดยนิมิต... ไม่ถือเอา
โดยนิมิต
ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรอง
เป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวว่า ความสำรวมในจักขุนทรีย์
เป็นจักขุกรรมหรือ
เป็นต้น เพื่อท้วงด้วยคำว่า การกล่าวคำอันใดที่
สกวาทีกล่าวไว้ในลัทธิของตนว่า เจตนาเป็นกรรม การกล่าวนั้นเป็น
ไปในกายวจีและมโนทวาร ย่อมได้ชื่อว่าเป็นกายกรรมเป็นต้น ฉันใด
ถ้าความสำรวมเป็นกรรมตามลัทธิของท่านไซร้ ความสำรวมแม้นั้น
เมื่อเป็นไปในจักขุนทรีย์เป็นต้น ก็พึงได้ชื่อว่า จักขุกรรมเป็นต้น ดังนี้.
ฝ่ายปรวาทีเมื่อไม่เห็นบทพระสูตรเช่นนั้น จึงตอบปฏิเสธในทวารทั้ง 4
และย่อมปฏิเสธโดยหมายเอาประสาทกายในกายทวารที่ 5 แต่ตอบรับรอง
หมายเอาวิญญัตติกาย. จริงอยู่ ปรวาทีนั้นย่อมปรารถนาประสาทกาย